วิธีทำให้สมองสงบตอนที่เราเครียดมากๆ เข้าใจร่างกาย ต
🧠 วิธีทำให้สมองสงบตอนที่เราเครียดมากๆ
เข้าใจร่างกาย ตามหลัก ประสาทวิทยา (Neuroscience)
.
เบ้นเคยมีความเชื่อว่า เราต้องแข็งใจไว้ ถึงจะจัดการกับความเครียด แต่พอเอาเข้าจริงๆมันไม่เกี่ยวเลย มันเกี่ยวกับเคมีในสมองเรา
.
Neuroscience บอกว่า เวลาคุณเครียด สมองคุณไม่ได้อยู่ข้างเดียวกับเรา
.
เพราะความเครียดทำให้สมองปล่อยสารเคมีชื่อว่า Cortisol
ซึ่งจะ “ปิดระบบเหตุผล” แล้ว “เปิดโหมดเอาตัวรอด” (Survival Mode)
.
เราจึงลืมของง่าย ๆ ทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ หรือพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป
.
และทั้งหมดนี้ ไม่ใช่เพราะเราอ่อนแอ แต่เพราะสมองกำลังป้องกันตัวเอง
.
Dr. Daniel Levitin (Neuroscientist) เล่าใน Ted Talk ไว้ดีมากๆเลย
เขาเสนอวิธีที่จะ ชนะสมองตอนเครียดๆ โดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า Pre-Mortem Thinking
.
ลองดู [6] วิธีนี้ครับ #อ่านจบปุ๊ปเก่งขึ้นปั๊ป
-------------------------------------
[1] เข้าใจก่อนว่า สมองเราพังเพราะเคมี ไม่ใช่เพราะจิตใจเครียดง่าย
.
เวลาเราเครียด = สมองหลั่ง Cortisol(ฮอร์โมนความเครียด) + Adrenaline (โฮร์โมนการตื่นตัว)
- ทำให้หัวใจเต้นเร็ว มือเย็น
- สมองส่วนคิด เหตุผล (Prefrontal Cortex) ปิดระบบทันที
.
มันคือโหมด “สู้หรือหนี” (fight or flight) ที่วิวัฒนาการสร้างมาให้เราเอาตัวรอดจากสิงโต
.
แต่ในยุคนี้... ไม่มีสิงโต มีแค่ deadline, บิล, และข้อความด่วนในไลน์
(5555555 ช่วยด้วยยย)
.
เพราะงั้นอย่าด่าตัวเองว่า “ทำไมฉันคุมตัวเองไม่ได้” เครียดง่ายจัง
มันคือ สมองกำลังพยายามปกป้องคุณอยู่
----------------------------------
[2] หยุดใช้แรงใจ มาใช้ “Pre-Mortem” แทน
อย่ารอพังแล้วค่อยมาหาสาเหตุ แต่ให้ซ้อมพังไว้ก่อน (อันนี้ดี)
.
Dr. Daniel Levitin เรียกเทคนิคนี้ว่า Pre-Mortem Thinking
คือการ “จินตนาการว่าพังแล้ว เครียดแล้ว” แล้วถามตัวเองว่า
.
“มันพังได้ยังไง?”
“ฉันจะแก้ยังไงถ้ามันเกิดขึ้นจริง?”
.
🟢 เขียนลิสต์ไว้ตอนใจเย็น
🟢 วางระบบไว้ก่อนสมองเข้าสู่โหมดเครียด
🔴 อย่าคิดตอนหัวร้อน เพราะตอนนั้นสมองคุณไม่ได้ทำงานด้วยเหตุผลแล้ว (ระบบฟาดหมดไม่สนลูกใคร555555)
----------------------------------
[3] ใช้ “ระบบ” แทน “ความจำ”
.
สมองเราเก่งมากกับการจำ “สิ่งที่อยู่ที่เดิม”
แต่ห่วยมากกับการจำ “สิ่งที่เคลื่อนไหวได้” เช่น กุญแจ, โทรศัพท์, เอกสาร
(วันก่อนเบ้นพึ่งทำกุญแจรถหายไปหมาดๆ)
.
ดังนั้นอย่าฝืนจำ ให้ “ออกแบบระบบช่วยจำแทน”
.
🟢 กุญแจ = แขวนไว้ที่เดิมเสมอ
🟢 เอกสาร = ถ่ายเก็บใน Cloud
🟢 ของเดินทาง = มี Checklist ตายตัว
.
หนังสือ Build a Second Brain ต้องเข้าแล้ว
.
เพราะ “ระบบไม่ลืม แต่สมองลืมเสมอ”
------------------------------------
[4] ตอนกลัว ตอนมีอารมณ์ไม่ดี ห้ามตัดสินใจ ให้ใช้ข้อมูลดับความเครียด
Dr. Daniel Levitin เตือนว่า ตอนเครียด สมองจะเลือก เร็วกว่าแม่น
เพราะระบบเหตุผลโดนปิด เหลือแต่ ระบบเอาชีวิตรอด (ยุคสิงโต)
.
เขาแนะนำให้เตรียม “คำถามสำคัญ” ไว้ก่อน
ลองใช้ Logic ครอบ Framework อีกทีดู เช่น
.
ถ้าเจอหมอแล้วเขาแนะนำให้กินยา
แทนที่จะตอบตกใจ “ได้ครับหมอ” ลองถามกลับว่า
.
ยาตัวนี้ปกติ สถิติกิน 10 คนได้ผลกี่คน?
.
อันนี้เรียกว่า Number Needed to Treat (NNT)
เช่น ยาตัวหนึ่งต้องให้คน 300 คนกิน ถึงจะมี 1 คนที่ได้ผลจริง
แต่มีถึง 15 คนที่เกิดผลข้างเคียง
.
แปลว่า ถ้าเรารู้ “ข้อมูลจริงๆ” สมองจะสงบลงทันที
เพราะมันรู้ว่า เรายังควบคุมบางอย่างได้ แม้ตอนที่เราเครียดที่สุด
---------------------------------------
[5] ระบบเล็ก ๆ ช่วยคุณตอนสมองไม่พร้อม
.
Dr. Daniel Levitin บอกว่า “เราจะไม่มีวันกำจัดความเครียดได้”
แต่เราสามารถ “เตรียมระบบให้ไปรอดได้ตอนมันมา”
ตัวอย่างง่าย ๆ
-ทำกุญแจสำรองไว้ (ใครขี้ลืม)
- ทำ Reminder ตรวจพาสปอร์ตก่อนเดินทาง
- เตรียมกระเป๋าฉุกเฉินตอนต้องรีบออก
ทั้งหมดนี้คือ “Pre-Mortem Practice”
ที่ช่วยให้คุณรอดในวันที่สมองพังที่สุด
(ทุกคนควรทำเพราะเราไม่รู้ว่าวันไหน เราจะเครียดจัดๆจนทำพัง)
---------------------------
[6] ยอมรับว่า “เราจะเครียดหนักๆอยู่ดี” แต่ให้เครียดอย่างมีแบบแผน
.
Dr. Daniel Levitin ปิดท้ายว่า
“We all are going to fail now and then.
The idea is to think ahead to what those failures might be.”
🟢 เครียด = ปกติของมนุษย์
🟢 ระบบ = เสื่อกันกระแทกรองรับเวลาล้ม
🔴 ไม่มีใครคิดได้ดีในวันที่เครียด ถ้าไม่ได้เตรียมไว้ก่อน
---------------------------------
#สรุปแบบลงดาบ
สมองพังเพราะเคมี ไม่ใช่เพราะเราอ่อนแอ
ตอนเครียด อย่าพึ่งสมองมากไป เพราะมันไม่อยู่ข้างเดียวกับเรา
Pre-Mortem = ซ้อมล้มก่อนพังจริง
ใช้ Data ข้อมูลความเครียดของเรา
สร้างระบบ คิดเผื่อไว้เยอะๆตอนเรายังใจเย็น
#เบ้นขอเสริม
[1] ผมจัดตารางงานเอาไว้ให้เหลือช่องสัปดาห์ละ 3-4 ชั่วโมง/สัปดาห์ เพื่อกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่เราเครียดมากๆและคุมมันไม่ได้
[2] งานไหนที่มีความเสี่ยงจะทำให้เครียดสูงจะจับแยกไว้ต่างหากเลย ก่อน 3 ชั่วโมง หลัง 3 ชั่วโมง จะเอางานที่ไม่เครียดมา Pre (ข้างหน้่า) กับ Post (ข้างหลัง)
.
ถ้าเราจัดระบบ นอนพักผ่อน เป็นเวลา ดูแลตัวเอง เราก็จะรับมือกับความเครียดได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน เป็นกำลังให้ทุกคนอย่าเครียดเยอะนะค้าบ
.
ผมหวังว่าเรื่องนี้มันจะช่วยสร้างวันของคุณ