ถ้าพูดถึง “ศิลปินที่มุมานะที่สุดในโลก” เราไม่ได้หมายถึงคนที่รวยที่สุด เก่งที่สุด หรือดังที่สุดในชั่วข้ามคืน แต่หมายถึงคนที่ล้มแล้วลุก ลุกแล้วโดนเหยียบ แล้วก็ยังลุกอีก


หนึ่งในชื่อที่โลกพูดถึงเสมอในแง่นี้คือ Sia Furler หรือที่เรารู้จักในชื่อ Sia ศิลปินหญิงชาวออสเตรเลีย ที่กว่าจะโด่งดังก็อายุเกือบเข้าเลข 4 และต้องผ่านทั้งความตาย ความซึมเศร้า การเสพติด และการถูกเมินเฉยจากวงการมานานนับสิบปี


Sia เริ่มต้นจากการเป็นนักร้องแบ็คอัพในวง Acid Jazz ของอังกฤษชื่อว่า Crisp ในยุคปลาย 90s ก่อนจะย้ายมาทำงานเบื้องหลังให้ศิลปินอย่าง Rihanna, David Guetta, และ Flo Rida


เธอแต่งเพลง “Diamonds” ให้ Rihanna ในปี 2012 ภายในเวลาเพียง 14 นาที ขณะนั่งอยู่ในห้องมืดกับขวดไวน์ เธอเคยบอกผ่านบทสัมภาษณ์ว่า ช่วงที่แต่งเพลงนี้ เธอพยายามฆ่าตัวตายแต่ไม่สำเร็จ


ชีวิตของเธอคือการถูกปฏิเสธซ้ำๆ จนต้องหันมาทำเพลงให้คนอื่นแทน แต่สิ่งที่น่าทึ่งคือ…เธอไม่ยอมแพ้


ปี 2014 Sia ตัดสินใจกลับมาทำเพลงของตัวเองอีกครั้ง พร้อมกับ "ซ่อนหน้า" ไม่ออกสื่อด้วยการใส่วิกปิดตา ปิดหน้า เธอปล่อยเพลง Chandelier ที่กลายเป็นปรากฏการณ์โลก ยอดวิวทะลุพันล้านวิว และได้รับเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ถึง 4 สาขา


แม้เธอจะเกลียดการดังแบบคนเห็นหน้า แต่เธอเลือกจะดังในแบบที่เป็นตัวเอง เธอเลือกที่จะรอดจากอาการติดแอลกอฮอล์ เลิกยา เลิกทำร้ายตัวเอง และหันมารับเด็กออทิสติกเป็นลูกบุญธรรม


ลองนึกภาพดู…จากคนที่คิดว่าตัวเองไม่มีค่า จนกลายเป็นศิลปินที่ทั่วโลกเคารพ จากคนที่ถูกปฏิเสธ กลายเป็นคนที่ทุกค่ายเพลงต้องการ


ไม่ต้องสวย ไม่ต้องโชว์หน้า ไม่ต้องอยู่ในสูตรสำเร็จของวงการบันเทิง แค่ซื่อสัตย์กับตัวเองและ “ไม่ยอมแพ้”


Sia อาจไม่ได้ร้องดังที่สุดในโลก แต่เธอคือตัวแทนของคนที่เคย “แตกสลาย” แล้วค่อยๆประกอบตัวเองขึ้นมาใหม่ด้วยหัวใจที่แข็งแกร่งที่สุด


ไม่ใช่เพราะเธอไม่เจ็บ…แต่เพราะเธอไม่ยอมจบ


และนั่นแหละ…คือความมุมานะที่โลกทั้งใบควรเรียนรู้